ลบรอยสักยันต์ ทำอย่างไรได้บ้าง?

สักยันต์

การสักลายหรือสักยันต์สวยๆ ที่มาพร้อมกับความขลังจะได้รับความนิยมมาทุกยุคทุกสมัย ทั้งแบบสีและแบบขาว-ดำ ที่มีความสวยงาม เท่และบางรอยสักก็ถูกสักโดยเหล่าอาจารย์ผู้มีวิชาบ้างก็สักเพราะความชอบส่วนตัวและบ้างก็สักเพราะต้องการแสดงจุดยืน ตัวตันและความจริงใจ  เพื่อดึงดูดหนุ่มสาว เป็นต้น ทั้งนี้การมีรอยสักอาจเป็นอุปสรรคต่างๆ เช่น การสมัครงานตามบริษัทใหญ่ๆ การรสมัครเข้ารับข้าราชการ เป็นต้น นอกจากนี้บางทีอาจเป็นตัวเราเองที่เปลี่ยนความชอบ หรือเปลี่ยนใจไม่ต้องการรอยสักแล้ว จึงต้องการลบรอยสักเหล่านี้ออก วันนี้เราจึงจะขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “วิธีการลบรอยสักยันต์” ว่าเขาทำกันอย่างไร มีวิธีอะไรบ้าง? ลบแล้วต้องดูแลตัวเองแบบไหน? มาให้ทุกๆ ท่านที่กำลังหาทางออกได้ศึกษาและใช้ในการประกอบการตัดสินใจกันครับ

วิธีลบรอยสักยันต์ทำได้อย่างไรบ้าง?

  • ลบรอยสักด้วยยางเม็ดมะม่วงหิมพานต์   เป็นวิธีการที่มีมาอย่างช้านานโดยการใช้ยางของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยนำยางของเม็ดมะม่วงฯ มาทาที่บริเวณรอยสัก ซึ่งยางของเม็ดมะม่วงมีฤทธิ์กัดผิวหนังทำให้ผิวหนังหลุดลอกออกมา ซึ่งเป็นวิธีการที่สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนจนทำให้ผิวหนังค่อยๆ ร่อนหลุดมาได้ และหลังจากนั้นจะต้องทำการล้างแผลทุกวัน จนกว่าจะหายสนิท
  • ลบรอยสักด้วยปูนแดง เป็นอีกหนึ่งวิธีลบรอยสักที่จะสร้างความเจ็บแสบให้กับท่านผู้ที่ต้องการลบรอยสัก เพราะจะใช้ทั้งปูนแดงล้วนหรือแบบผสมกับน้ำสบู่, น้ำมะนาว แล้วแต่คนชอบ ซึ่งก่อนอื่นจะใช้เข็มจิ้มให้แผลเปิดและจะใช้น้ำจากปูนแดงที่เตรียมไว้ค่อยๆ ทาพอกเข้าไปแล้วค่อยล้างและทำสลับกันจนรอยสักหรือแผ่นผิวหนังค่อยๆ ลอกและคอยล้างแผลเช่นกันครับ
  • ลบรอยสักด้วยด่างทับทิม วิธีนี้จะเหมือนกับปูนแดง โดยใช้เข็มจิ้มเพื่อเปิดแผลที่รอยสักก่อน แล้วใช้น้ำด่างทับทิมทาพอก
  • ลบรอยสักด้วยเตารีด วิธีนี้จะต้องใช้ความอดทนสูงมาก เนื่องจากจะเป็นการนำเตารีดที่ใช้รีดผ้าขณะร้อนๆ มาแตะที่ผิวหนังบริเวณที่มีรอบสัก เพื่อให้ผิวหนังเป็นตุ่มพอง เมื่อเวลาผ่านไปผิวหนังบริเวณนั้นจะค่อยๆลอกออกมาเป็นแผ่น หลังจากนี้ต้องคอดูแลแผลให้ดีเพื่อไม่ให้ติดเชื้อและกลายเป็นแผลเป็น

 

  • ลบรอยสักด้วยยางมะละกอ วิธีเหมาะกับรอยสักที่ไม่ลึกมาก โดยนำยางจากก้านมะละกอมาทาบริเวณรอยสัก แล้วใช้เข็มสักสักทับรอยเดิม ยางมะละกอจะทำให้ผิวหนังอ่อนตัวลง และหลุดลอกเป็นแผ่น
  • สักทับรอยเก่า เป็นการกลบรอยสักเดิม ด้วยการสักทับลงไป โดยเลือกสีที่สักเป็นสีใกล้เคียงกับสีของผิวหนังปกติ วิธีนี้จะช่วยให้ดูกลมกลืนขึ้น
  • ลบรอยสักด้วยครีมลบรอยสัก การใช้ครีมลบรอยสักนี้ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ  เพราะไม่มีใครอยากเจ็บตัว เพียงแค่ใช้ครีมทาบริเวณรอยสักทุกๆ วัน และรอจนกว่ารอยสักจะจางลงและหายไป นับเป็นวิธีนี้เจ็บตัวน้อยสุด แต่อาจจะต้องใช้เงินพอสมควร
  • ลบรอยสักด้วยเลเซอร์ การลบรอยสักด้วยเลเซอร์ เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน แค่คุณมีเงินก็สามารถเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลเพื่อลบรอยสักด้วยเลเซอร์ได้แล้ว ซึ่งเป็นการใช้เลเซอร์ยิงบริเวณรอยสัก เพื่อทำให้ผิวหนังบริเวณที่สักซึ่งเป็นลายต่างๆ หลุดลอกออกมา วิธีนี้จะมีความสะดวก รวดเร็ว แม้ราคาอาจจะสูงกว่าวิธีอื่นๆ แต่ก็เห็นผลอย่างชัดเจนและรวดเร็ว ที่สำคัญรอยแผลเป็นที่มาจากการรักษาเลเซอร์ อาจจะไม่มีหรือมีน้อยมากครับ

และนี้คือ “วิธีลบรอบสักยันต์” ที่เรานำมาฝากท่านผู้อ่านกันครับ แต่หากวิธีการลบรอบสักช้างต้นนี้เป็นเพียงการลบรอยทางกายภาพเท่านั้น หากรอยสักเหล่านั้นเป็เรื่องที่เกี่ยวกับไสยเวทย์แล้วหล่ะก็… อาจจะต้องพึ่งทางครูบ่าอาจารย์หรือพระเกจิอาจารย์ให้การแก้ไขเพิ่มเติมอีกด้วยครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ

Tags:

Ads

You May Also Like

กระเป๋าหนัง

ข้อดีของการใช้กระเป๋าหนัง

การที่เรามีกระเป๋าที่ดีเป็นของตนเองนั้น จะช่วยให้เรามีกระเป๋าที่ใช้งานได้อย่างยาวนานเลยหล่ะครับ โดยเฉพาะกระเป๋าหนังจะมีอายุการใช้งานที่นานกว่ากระเป่าประเภทอื่นๆ แต่ก็ต้องอาศัยการดูแลกระเป๋าเช่นกันครับ วันนี้เราจะพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “ข้อดีของการใช้กระเป๋าหนัง” พร้อมกับไปรู้จักกับ “กระเป๋าหนังแบบต่างๆ ” กันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันเล้ยย!!! กระเป๋าหนังเป็นอย่างไรและมีหนังแบบใดบ้าง? การผลิตกระเป๋านั้นในช่วงยุคแรกจะเป็นการผลิตโดยใช้วัสดุจากหนังสัตว์จริงๆ ...

คุณเชื่อหรือมั้ยครับ เรื่องลี้ลับนั้นมีอยู่ทั่วทุกมุมโลกเลยหล่ะ บ้างก็อาจจะเคยได้ยินจากคนใกล้ตัว บ้างกอาจจะฟังจากคุณตาคุณยายมาก็ดี หรือบางทีอาจจะหาฟังตามแชลแนลยูทูปก็ได้ วันนี้เราจึงอยากเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะพาทุกๆ ท่านไปสำรวจข้อมูลเรื่องราวที่เกี่ยวกับ “5 เรื่องลี้ลับเกี่ยวกับการเดินทางที่ควรรู้” ที่น่าสนใจให้กับทุกๆ ท่านไปลองอ่านเพื่อความเพลิดเพลินกันครับ ●ความเชื่อเรื่องห้ามเดินทางในเวลาก่อนมืด เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มีรถยนต์ การเดินทางส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางด้วยเท้า และในเวลาก่อนมืดเป็นเวลาออกหากินของสัตว์ เช่นเสือเริ่มออกหากิน อาจทำให้เกิดอันตรายได้ จึงควรรอให้มืดก่อน ให้ทุกอย่างเป็นปกติอีกครั้งค่อยออกเดินทาง ถ้าเทียบกับสมัยนี้ก็เหมือนกับช่วงเวลาย่ำค่ำเป็นเวลาที่ทุกคนกลับบ้าน รถเยอะ หากเดินทางตอนที่มืดแล้ว หรือเลี่ยงเวลาย่ำค่ำ รถจะน้อยลงทำให้การเดินทางปลอดภัยมากกว่า ●ห้ามออกเดินทางเวลาเที่ยงตรง คนโบราณเชื่อกันว่าถ้าออกเดินทางเวลาเที่ยงตรง จะทำให้การเดินทางติดขัดไม่ราบรื่น อาจเกิดอุบัติเหตุได้ อาจเป็นเพราะเวลาเที่ยงตรงพระอาทิตย์อยู่ตรงหัวพอดี อากาศร้อน การออกเดินทางในช่วงเวลานี้จะทำให้ร้อน เหนื่อยง่าย คนโบราณจึงแนะนำให้เลื่อนเวลาเป็นก่อนและหลังน่าจะสะดวกสบายมากกว่า ●ไม่ควรเดินทางทั้ง ๆ ที่กระจกร้าว ว่ากันว่าหากรถมีกระจกร้าว ควรเปลี่ยนก่อนเดินทางเพราะเชื่อกันว่า กระจกร้าว แตก จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ อาจทำให้มีการทะเลาะ ขัดแย้งกันในรถได้ ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว หากกระจกร้าวหรือกระจกแตก เมื่อขับรถไปอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นสมควรอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนกระจกบานที่มีปัญหานั้นเสียก่อนออกเดินทาง ●ไม่ควรพกของที่เป็นอัปมงคลในการเดินทาง เช่น นาฬิกาตาย ซึ่งหมายถึง การหมดอายุขัย เชื่อว่าอาจทำให้เสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้ ว่าแต่นาฬิกาตายก็ไม่ต้องพกเดินทางด้วยก็ได้ เพราะอย่างไรก็ดูเวลาไม่ได้อยู่แล้วจริงไหม ●ไม่ควรทักสิ่งต่างๆ ที่โผล่มาตอนกลางคืน พวกไสยศาสตร์ คุณผีคุณคนนั้น ถ้าเราทักเข้าเท่ากับเปิดทางให้เขาเข้ามาซึ่งน่ากลัว หรือจะเป็นเกี่ยวกับ ลมเพลมพัด ที่คนมีวิชาล่อยของไปทั่ว หากใครทักจะเกิดการของเข้าตัวซึ่งอาจะเป็นอันตรายได้ ความเชื่อเกี่ยวกับ “การกราบรถ” เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตล้วนมี “ขวัญ” อยู่ประจำ พาหนะทั้งสัตว์ เกวียน เรือ จึงย่อมต้องมีขวัญประจำอยู่เช่นกัน และการที่มีผู้มาขี่หรือนั่งทับย่อมอาจทำให้ “ขวัญหาย” อันไม่เป็นสิริมงคลต่อสิ่งๆ นั้น และผู้เป็นเจ้าของ เหตุฉะนี้จึงเกิดพิธีกรรมในการ “ขอสมาอภัย” และแสดงความ “ขอบคุณ” แก่สัตว์พาหนะและขวัญที่ประจำอยู่ในพาหนะต่างๆ เป็นประจำทุกปี จึงเป็นที่มาของการ “กราบรถ” นั้นเองครับ แล้วความเชื่อเรื่อง “จิ้งจกทัก” เป็นอย่างไร? คนโบราณเชื่อว่า หากจิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด โดยเฉพาะถ้าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศีรษะ ให้เลื่อนการเดินทางออกไป แต่หากเสียงร้องทักอยู่ด้านหน้าหรือซ้าย ก็สามารถเดินทางได้ จะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นสะดวกสบาย แต่ในมุมมองความจริงแล้ว ในปัจจุบัน จิ้งจกก็ดูเหมือนจะหายากขึ้นทุกที สังเกตได้ว่าเวลาเราอยู่บ้าน เราแทบจะไม่ได้ยินเสียงจิ้งจกร้อง ดังนั้น นานๆ ทีเมื่อเราได้ยินเสียงจิ้งจกร้องเราจึงคิดไปเองว่าเป็นการร้องทัก ร้องเตือนให้เราระวังตัว ดังนั้น การที่จิ้งจกร้องทักจึงเป็นความเชื่อแต่โบราณ เมื่อครั้งยังมีจิ้งจกเกาะติดตามฝาบ้านให้เห็นมากมาย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปไหน ถึงจิ้งจกจะทักหรือไม่ทัก คุณก็ควรระมัดระวังตัว ไม่อยู่ในความประมาทเสมอๆ นั้นแอง เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “5 เรื่องลี้ลับเกี่ยวกับการเดินทางที่ควรรู้” ที่ได้รวบรวมมาให้กับทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นได้ฟังกันนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ที่น่าสนใจครับ

5 เรื่องลี้ลับเกี่ยวกับการเดินทางที่ควรรู้

คุณเชื่อหรือมั้ยครับ เรื่องลี้ลับนั้นมีอยู่ทั่วทุกมุมโลกเลยหล่ะ บ้างก็อาจจะเคยได้ยินจากคนใกล้ตัว บ้างกอาจจะฟังจากคุณตาคุณยายมาก็ดี หรือบางทีอาจจะหาฟังตามแชลแนลยูทูปก็ได้ วันนี้เราจึงอยากเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะพาทุกๆ ท่านไปสำรวจข้อมูลเรื่องราวที่เกี่ยวกับ “5 เรื่องลี้ลับเกี่ยวกับการเดินทางที่ควรรู้” ที่น่าสนใจให้กับทุกๆ ท่านไปลองอ่านเพื่อความเพลิดเพลินกันครับ ความเชื่อเรื่องห้ามเดินทางในเวลาก่อนมืด เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มีรถยนต์ การเดินทางส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางด้วยเท้า ...

ลางบอกเหตุ

4 ความเชื่อลางบอกเหตุ

ว่ากันด้วยเรื่องของ “ความเชื่อ” นั้นเป็นสิ่งที่หลายๆ ท่านจะมีความรู้ความเข้าใจแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นอาศัย ดังนั้นการที่มีความเชื่อไม่ถือว่าเป็นเรื่องงมงายเสียทีเดียว แต่เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราเตรียมตัวหรือป้องกันเหตุอันไม่คาดคิดได้ในอนาคต วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “4 ความเชื่อลางบอกเหตุ” ที่น่าสนใจกันสักหน่อยครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับ ความเชื่อ หมายถึงอะไร? ...