สำหรับผู้ที่หลงใหล่ในการสักรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสักในเชิงศิลป์ สักรูปสัญลกษณ์แทนตัวตนหรือสักยันต์อาคมเพิ่มความขลังให้กับชีวิตนั้น ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยการดูแลและมีข้อปฏิบัติทั้งสิ้น โดยเฉพาะผู้ที่สักยันต์ลายอาคมของขลังจะต้องมีข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันตนเองจากยันต์อักขระที่ได้ทำการสักลงบนร่างกายและเพื่อคงความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่คู่กับตนไปอย่างถึงที่สุด ในบทความนี้จึงขอพาท่านผู้อ่านที่สนใจในเรื่องของยันต์ รอยสักและเวทย์มนต์คาถาให้ได้รู้จักกับมุมของผู้ที่ได้ทำการสักลงยันต์ไปแล้วว่า “ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร” จึงจะเป็นการเหมาะสมและแสดงความเคารพความศรัทธาครับ อย่ารอช้าเราไปดูกันดีกว่าครับ…
10 ข้อปฏิบัติเมื่อผ่านการสักยันต์แล้ว
- 1. ห้ามลอดราวตากผ้า เพราะราวผ้าจะมีผ้าซิ่น ผ้าถุง ชุดชั้นในซึ่งเป็นของต่ำ จำทำให้ยันต์เสื่อมได้
ห้ามกินอาหารที่เหลือจากคนอื่น หรือกินทิ้งไว้ เพราะว่าคนถือวิชามักจะไม่ทานของเหลือจากใคร
3. ห้ามกินผักปัง เพราะผักปังจะมีลักษณะลื่น กินแล้วคาถาอาคมจะลื่นไหล
4. ห้ามกินฝักเขียว เพราะมีลักษณะคล้ายหน้าอกผู้หญิง
5. ห้ามกินมะเฟือง เพราะมีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศหญิง
6. ห้ามลอดต้นกล้วย เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้คาถาหรือยันต์อาคมเสื่อมฤทธิ์
7. ห้ามกินของงานศพ เพราะจะถือเป็นการสูดกลิ่นอายงานศพ
8. ห้ามลอดใต้เงาปราสาทศพ ผ้าเต้นท์คลุมงานศพ เนื่องจากจะทำให้ของเสื่อม
9. ห้ามลอดใต้ถุนบ้าน
10. ห้ามใครจับหัวลูบหัว เพราะคนสักยันต์หรือมีวิชาจะถือว่าหัวของตนนั้นเป็นของสูง ห้ามมิให้มครมาเล่น จะถือว่าเป็นการลบหลู่นั้นเอง
เราจะดูแลรอยสักยันต์และสังเกตอาการเพื่อป้องกันหลังสักอย่างไร?
- ในช่วงสองวันแรกหลังสักเสร็จ จะมีคราบเลือด น้ำเหลือง ที่ไหลออกมานอกแผล ให้เราล้างรอยสักอย่างเบามือด้วยน้ำอุ่น ไม่แช่รอยสักในน้ำ และไม่เปิดน้ำให้ไหลผ่านรอยสัก แต่ให้ใช้มือวักน้ำอุ่นราดบนรอยสัก และถูรอยสักเบาๆ เพื่อล้างคราบต่างๆ พยายามอย่าใช้ผ้าเช็ด เพราะอาจทำให้เป็นแผลได้
- เมื่อรอยสักเริ่มแห้ง แผลรอยสักจะเริ่มแห้งอาจมีสีคล้ำขึ้น แผลจะเริ่มฟื้นตัวและตกสะเก็ด ในช่วงนี้ควรล้างทำความสะอาดแผล 1-2 ครั้ง/วัน หลังจากนั้นให้ทารอยสักด้วยครีมที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ เพื่อคงความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
- ช่วงที่สะเก็ดเริ่มขึ้น อาจมีสะเก็ดแผลบางๆ เกิดขึ้น ขอย้ำว่าห้ามแกะสะเก็ดแผลออกเป็นอันขาด เพราะจะทำให้สีหลุดและเกิดแผลเป็นได้
- ช่วงสะเก็ดแข็ง ในช่วงนี้จะคัดมากๆ เมื่อสะเก็ดแผลจะเริ่มแข็งขึ้นและหลุดลอกออก เราต้องห้าม แกะ หรือดึงสะเก็ดแผลออกเป็นอันขาด เพราะอาจทำให้รอยสักลอกออก และอาจเกิดรอยแผลเป็นได้ ควรปล่อยให้สะเก็ดแผลลอกออกมาเองตามธรรมชาติ และอาจใช้ครีมบำรุงผิวเพื่อลดอาการคัน
- ช่วงสะเก็ดลอกหมดแล้ว เมื่อสะเก็ดแผลหลุดออกไปจนหมด จะเหลือแค่หนังแก้ว นั่นคือเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลงเหลืออยู่บริเวณรอยสัก ซึ่งจะลอกออกไปเองในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ผิวบริเวณรอยสักอาจดูหมองคล้ำและแห้ง ดังนั้น ควรทาครีมเพื่อคงความชุ่มชื้นให้ผิวหนังบริเวณรอยสักอยู่เสมอเพื่อฟื้นฟูให้ดีขึ้น
ถ้าจะให้ดีที่สุดห้ามรอยสักโดนแอลกอฮอล์จนกว่าจะหายดี ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ช่วยปกป้องผิวบริเวณรอยสักจากแสงแดดทุกครั้งเมื่อต้องออกไปข้างนอก และหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อป้องกันการเสียดสีกับรอยสัก นอกจากนี้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกเยอะ ไม่ควรแคะ แกะ หรือเกาบริเวณแผลเพราะอาจทำให้เกิดแผลและแผลติดเชื้อได้ครับ
และนี้คือ “ปฏิบัติเมื่อผ่านการสักยันต์” และวิธีการดูแลผิวหลังสัก ให้กลับมาเป็นปกติที่เรานำมาฝากท่านผู้อ่านครับ หวังว่าจะช่วยเพิ่มความรู้และช่วยให้ท่านเข้าใจข้อห้ามและข้อปฏิบัติมากขึ้นนะครับ